วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

Outside 1: Thai Health Center


             เมื่อวันที่ 28 มกราคม ได้มีโอกาสไปชมนิทรรศการที่ สสส มาครับ ผมพึ่งเคยไปเป็นครั้งแรกต้องบอกเลยว่าครั้งแรกที่เห็นตัวตึกนั้นผมคิดอยู่เหมือนกันว่าจะมีอะไรให้เข้าชม แต่เมื่อผมได้เข้าชมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็อยากจะบอกว่าคุ้มค่าครับเลยอยากจะมาแนะนำให้เพื่อนๆ หรือผู้สนใจได้ทราบว่าภายในตึกนั้นมีอะไรบ้าง

            เริ่มแรกนะครับเมื่อเข้ามาในตัวตึกของ สสส นั้นทุกคนจะเจอ พนักงานต้อนรับครับจะมีคนนำพวกเราเข้าชมนิทรรศการและอธิบายข้อมูลที่น่ารู้ให้ได้ทราบกันโดย พี่ๆเหล่านั้นใจดีมากเมื่อรู้ว่าผมมาดูนิทรรศการและต้องกลับมาเขียนบล็อกต่อพี่ๆเขาก็บอกว่าเอาโบชัวมาซิ จะเป็นโบชัวแนะนำข้อมูลต่างและมีรูปภาพประกอบดังภาพครับ



           เมื่อพี่เขาแจกเอกสารเรียบร้อยแล้ว พี่เขาก็พาผมเข้าสู้ส่วนของนิทรรศการครับโดยพี่ๆเขาได้อธิบายไว้ว่า นิทรรศการของที่นี่นั้นแบ่งออกเป็น 4 ห้องครับ ห้องแรกคือ ME ห้องที่สองคือห้อง WE ห้องที่สามคือ GREEN ส่วนห้องที่4 คือ THAI HEALTH 





          โดยวันที่ผมไปนั้น ในส่วนของห้อง WE จะปิดทำการอยู่ครับเพราะปรับปรุงอยู่ผมเลยมีโอกาสเข้าชมสามห้องที่เหลือครับมาเริ่มกันที่ห้องแรกเลยครับ


          ในส่วนของทางเดินเข้าห้องแรกนะครับจากรูปด้านบน จะเป็นการจำลองส่วนของเชิงการของแม่นะครับ จำลองเหมือนเรากำลังเดินเข้าสู้เชิงการของแม่นะครับก็เป็นความคิดที่ดีครับสมกับชื่อของห้องคือห้อง ME เป็นการให้เราละลึกถึงตัวเราได้ดีทีเดียวว่าเราเกิดมาได้อย่างไรในความคิดของผมครับ เมื่อเดินเข้ามาถึงตัวห้องจะมีที่นั้งให้เรานั้งชมวิดีทัศน์ครับ


            ในวิดิทัศน์จะกล่าวถึงผู้ชายในภาพครับว่าเขาเป็นคนสู้ชีวิตและรักในสิ่งที่ตนเองรัก ผู้ชายคนดังกล่าวประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะทำในสิ่งที่ตนเองรักคือการเป็นช่างภาพครับ เมื่อเขาประสพอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ไม่สามารถใช้งานขาของตนเองได้แต่เขากล่าวว่าเขาไม่อยากจะโทษว่าตนไม่มีขา และจะล้มเลิกการทำสิ่งที่ตนเองรักเขาไม่อยากใช้มันมาเป็นของอ้างและเขาก็ทำได้จริงทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตมีความสุขอยู่กับสิ่งที่ตนเองรักครับเป็นบุคคลที่น่าชื่นชมมากในความคิดของผม ผมว่าวิดีทัศน์ดังกล่าวเป็นการปลุกใจสร้างแรงบันดาลใจที่ดีมากสำหรับการเริ่มต้นชมนิทัศการเป็นการบอกว่า ตัวเราจะเป็นอย่างไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งใดมันขึ้นอยู๋กับตัวเราเองว่าเราอยากจะให้มันเป็นไปในทิศทางใดครับ เมื่อเดินต่อไปเราจะพบกับกระจกมากมายที่วางเรียงรายอยู่




           ในส่วนนี้กระจกจะสะท้อนตัวเราและบอกว่าเราแล้วเราหละอยากที่จะให้ตัวเรานั้นเป็นอย่างไร ผมชอบส่วนนี้มากๆครับ และส่วนที่สื่อความหมายดีมากๆทำแล้วดูเข้ากันกับความหมายที่ต้องการสื่อถึง และการออกแบบก็ออกแบบได้สวยงามครับ จากตรงนี้เมื่อเราเดินต่อไปจะเข้าสู่ห้องเปิดวิดิทัศอีกเรื่องหนึ่งเรื่องนี้จะพูดเกี่ยวกับว่า เมื่อเราเหนื่อยเราท้อแท้และเลิกทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่รู้ไหมยังมีบุคคลพระองค์หนึ่งซึ่งเมื่อท้อแท้หรือเหนื่อยเพียงใดก็ไม่เคยล้มเลิกที่จะทำสิ่งนั้นใจสำเร็จ ครับพอถึงส่วนนี้จะหมดในส่วนของห้อง ME ครับจะเข้าสู้ส่วนของห้อง WE แต่เนื่องจากปิดซ่อมครับผมจึงนำรูปมาฝากครับ



          จากภาพจะเห็นได้ว่าห้อง WE นั้นเป็นนิทรรศการที่จัดอยู่ในชั้นข้างล่างนะครับผมถ่ายมาเห็นเท่านี้ครับเนื่องจากว่าพี่เขาบอกว่าเราไม่สามารถเข้าไปชมได้ครับ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะลงไปดูนะครับว่าข้างใต้นั้นมีอะไร ฮาๆๆ ครับต่อไปเราจะเข้าสู้ห้อง LET'S GO GREENครับ ในระหว่างที่เรากำลังจะเดินไปสู้ห้องดังกล่าวจะมีมุมน่ารักๆให้เราได้ถ่ายรู้ครับ เป็นการถ่ายรูปที่พิศดารมากครับอยู่ๆพี่เขาก็บอกให้ผมเงยหน้าครับตอนแรกผมก็งงๆแต่พอเงยขึ้นไปก็บางอ่อครับ


         ทางเดินไปห้อง LET's GO GREEN จะต้องเดินออกมาข้างนอกและเดินลงไปในส่วนของชั้นใต้ดินใกล้ๆกับลานจอดรถครับแต่จะมีป้ายบอกครับ



        พอลงมาก็ไม่ผิดหวังครับในส่วนของห้องนี้นั้นจะเป็นการทำนิทรรศการเกี่ยวกับการช่วยโลกครับจะมีสองส่วนใหญ่ๆครับที่ผมพอแยกได้จะเป็นการรณรงค์ให้คนปั่นจักรยานครับจะมีการบอกรายละเอียดว่าปั่นจักรยานดีกว่าการเดินทางด้วยอย่างอื่นอย่างไรที่สำคัญเลยครับคือได้เรื่องสุขภาพครับ และในส่วนรอบๆห้องครับจะมีคลิปวิดีโอแฟลซง่ายๆครับที่สอดแทรกเรื่องดังกล่าวเข้าไปครับทำให้น่าดูน่าฟัง น่าสนใจมากยิ่งขึ้น




            อีกส่วนหนึ่งของห้องนี้นั้นจะกล่าวถึงว่าแล้วตัวตึกของ สสส เองหละมีส่วนช่วยอย่างไรให้โลกเป็นสีเขียวในส่วนนี้จะมี แฟลซง่ายๆให้เราเลือกครับจะมีอยู่สิบข้อด้วยกันครับ











          จากห้องนี้ผมจะต้องเดินขึ้นมาชั้นด้านบนครับเพื่อเข้าสู้ห้องถัดไปคือห้อง THAI HEALTH ครับ ในห้องนี้จะพูดเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพของคนครับครับว่า สสส นั้นมีส่วนช่วยอย่างไรบ้างในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพครับส่วนให้จะเป็นโฆษณางานต่างๆที่ผ่านมาครับจะถูกนำมาจัดแสดงผ่านทาง จอสัมผัสครับ mp3 TV ครับให้ผู้เข้าชมได้ชมกันครับ






          จบส่วนนี้จะหมดในส่วนของนิทรรศการของ สสส เรียบร้อยแล้วครับพี่เขาจึงบอกว่าถ้้าพวกเราอยากเดินชมรอบๆตึกก็ได้ผมจึงไปเดินชมรอบๆตึกมาครับต้องบอกว่าตัวตึกออกแบบมาดีมากๆ โปร่งโล่งและเย็นสบายมากๆครับ สสส นี้ยังมีประติมากรรมนะครับที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของตึกครับมีทั้งหมดด้วยกัน 7 สิ่งดังนี้ครับ
















วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

Recommend 1: เครื่องบินเด๋วนี้มันไม่...ธรรมดาเลยนะ


          พวกเราพึ่งจะเคยนั้งเครื่องบินที่บินทางไกลข้ามทวีป ขนาดนี้เป็นครั้งแรกทำให้รู้สึกตื่นตา ตื่นใจและแปลกใจมากที่ได้ใช้บริการ ฮาๆ เครื่องบินเด๋วนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ เพราะว่าเครื่องบินที่ใช้ข้ามประเทศพวกเราคิดว่าเจ๋งอยู่แล้วเพราะว่ามีหนังให้ชม มีวิทยุ เพลงให้ฟังตลอดเวลา



          แต่ว่าเครื่องบินที่ใช้ข้ามประเทศนั้นเจ๋งกว่าเยอะมากเทียบกันไม่ได้เลย นอกจากจะมีอาหารที่บริการดีตลอดเวลาแล้วยังมี จอสัมผัสที่เป็นของตัวเองของใครของมันเพื่อใช้ชมภาพยนต์ ฟังเพลง และเล่นเกม เรียกได้ว่าไม่มีเบื่อเลยตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบินแต่จะมีข้อที่ยากหน่อยคือ ทุกอย่างส่วนใหญ่นะเป็นภาษาอังกฤษ ฮาๆ ก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนตัวเองไม่แปลก และที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งนั้น ที่จอสัมผัสนั้นเราสามารถดูได้ด้วยว่า ณ ขณะนี้เครื่องบินที่เรากำลังเดินทางนั้นขณะนี้อยู่ที่ตำแหน่งไหนกันแน่


วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

Lecture 1: Course Description & Introduction


คาบเรียนที่ 1


              
             ในวิชา Computer Interactive เราจะเรียนเกี่ยวกับ วิธีการออกแบบ embedded hardware หรือ การประยุกต์ digital media technologies และ interactive software ให้ไปมีส่วนช่วยในการจัดแสดง Museum, Exhibition และ Dramatization โดยเนื้อหาที่เราจะเรียนนั้นจะเกี่ยวกับ Museum design process และการ computing application ระหว่าง Digital media technology และผู้ใช้งาน โดยการเรียนการสอนจะเน้นการ discussion ภายในห้องเรียนและ การเดินหาประสพการณ์และแนวคิดแปลกใหม่จาก การเดินชมพิพิธภัณฑ์จริงๆหรือ exhibition ต่างๆ


             "ส่วนตัวแล้วผมชอบมากชอบที่วิชานี้ไม่เหมือนใครและเน้นเรื่องประสพการณ์จริงของการพบเห็นจากสิ่งที่มันสัมผัสได้มากกว่าในหนังสือแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหลักการเพราะในแต่ละครั้งเราสามารถเปรียบเทียบและเห็นได้เลยว่าสิ่งที่เราเห็นและทำมานั้นมันมีขั้นตอนและการสร้างที่เหมือนกับทฤษฎีที่ได้เรียนมา ชอบตรงที่ว่าความรู้มันไม่ได้อยู่แต่ในห้องเรียนเสมอไปแต่เราสามารถหาความรู็ได้จากทุกที่ อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือไม่ และที่สำคัญเหมือนเราได้เที่ยวและเรียนรู้สิ่งต่างๆไปพร้อมๆกันครับ เหมือนเรากำลังสนุกกับสิ่งที่เราได้เรียนรู้มากกว่าการที่เรานั้งเรียนในห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา"



            Interactive Computing นั้นประกอบไปด้วยสองคำหลักๆที่เราจะต้องทำความเข้าใจก่อนนั้นก็คือ

Interactivity: การที่คนสองคนหรือมากกว่านั้นมีการปฏิสัมพันธ์กันไม่ว่าจะเป็น ฟัง, คิด, พูด
Physical computing: การที่เราเขียนโปรแกรมทำให้สิ่งที่ไม่มีชีวิตเช่น พวก Hardware ทำงานขึ้นมาได้
Interactivity + Physical computing = Physical interactive คือการที่เรานำ Hardware ที่เรามีนั้นมาพัฒนาให้มันสามารถคุยโต้ตอบกับคนหรือผู้ใช้งานได้

\\Think out of box//



            "การที่เราจะมองหาว่าเราจะประดิษฐ์สิ่งอะไรขึ้นมานั้นให้ดูน่าสนใจนั้นไม่ยากเลย แค่เราลองมองและคิดไม่เหมือนคนอื่น แค่เราเริ่มที่จะคิดนอกกรอบ (Think to possible) ของตัวเราเอง เราก็สามารถที่จะค้นพบได้ว่าโลกของเรานั้นมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์อยู่มากมายที่น่านำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และเป็นที่น่าสนใจอย่ายิ่ง ไม่จำเป็นว่าสิ่งที่น่าสนใจจะมาจากสิ่งใหญ่ๆหรือสิ่งที่ทำขึ้นมายาก แต่ถ้าเราค้นพบจุดแปลกใหม่แม้สิ่งนั้นจะทำขึ้นมาไม่อยากแต่มันก็น่าสนใจขึ้นมาได้ 

           ในทางเดียวกันการที่เราจะทำให้สิ่งของที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้มันเด่นขึ้นมาได้นั้นก็ต้องใช้หลักการเหล่านี้ด้วยเช่นกัน