วันนี้ผมมีห้องสมุดที่มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจมาแนะนำครับโดยจะเป็นห้องสมุดที่เยอรมันซะส่วนใหญ่ครับมาเริ่มที่ที่แรกเลยครับ
1. ห้องสมุดไวม่าเมืองเกอเต้ของภายในจะแลดูโมเดิ้นแต่ด้านนอกโบราณ (Weimar, Duchess Anna Amalia Library)
ที่นี่จะเก็บหนึังสือเก่าครับโดยที่นี่เคยประสบกับปัญหาภัยภิบัติมาครั้งหนึ่งไฟไหม้ จึงจำเป็นต้องใช้น้ำในการดับไฟ ทำให้หนังสือเก่าๆพวกนี้ถูกน้ำและขึ้นราจนหมดแต่เรียกได้ว่า นวัตกรรมในช่วงนั้นได้ก้าวไกลพอประมาณจึงมีกรรมวิธีในการผืนคืนกับของที่เสียสภาพไปให้กลับมาเป็นอย่างเดิมได้ซึ่งที่นี้ใช้บูรณะหนังสือเก่าๆที่ทรงคุณค่าในหมวดหนังสือโบราณ ดังภาพด้านล่างครับทางด้านขวามือจะเป็นภาพห้องหลังจากถูกไฟไหม้แต่ทางด้านซ้ายมือเป็นภาพหลังจากผ่านการบูรณะเรียบร้อย
ห้องสมุดหมวดหนังสือทั่วไปที่เปิดให้เข้าใช้งาน
"ส่วนตัวผมชอบมากเลยครับ เพราะมันดูเรียบๆแต่ว่ามีความทันสมัยในตัวเองและดูใหญ่โตแต่ใช้พื้นที่น้อยกว่าห้องสมุดทั่วๆไปและสร้างความรู้สึกให้เหมือนกับสถานที่ค้นหาความรู้ที่ไม่น่าเบื่อ โบราณแต่ดูเป็นอะไรที่ทันสมัยและน่าค้นหาครับ"
เป็นห้องสมุดที่เสริมสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยมในความคิดของผม ผมว่ามันมีการจัดบริเวรให้คนอ่านหนังสือได้แปลกใหม่ และปลอดโปร่้งดีมากๆ ทำให้ลืมบรรยากาศเดิมๆของการนั้งอ่านหนังสือไปได้เลย
เรื่องน่ารู้
- culator บัณนารักษ์ เป็นผู้ถ่ายทอดความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่มิวเซียมต้องการจะบอกเราให้กับเราทราบ
- พิพิธภัณฑ์หรืองานแสดงโชว์ที่เกี่ยวกับ Painting จะเรียกว่าดีก็ทำให้อินเตอร์แรคทีบได้เพราะทำให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้น
- ergonomic key board information architecher เป็นคีบอร์ดที่ถูกออกแบบมาให้ลองรับการทำงานของร่างกายมนุษย์ เพราะการออกแบบการใช้งานจะถูกออกแบบมาไม่ให้ขัดต่อสรีระการใช้งานของมนุษย์ ดังนี้
จากรูปจะเห็นได้ว่า Key Board ด้านซ้ายและด้านขวาจะถูกแยกออกจากกัน ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าถ้าเป็นคีบอร์ดทั่วๆมือของเราเวลาพิมพ์ข้อมือจะเหมือนหักอยู่ในลักษณะ ^ แต่ถ้าเป็นคีบอร์ดแบบนี้นั้น ลักษณะของมือผู้ใช้งานจะอยู่ใน ลักษณะตัว V ซึ่งจะไม่ขัดต่อสรีระของผู้ใช้งาน
ต่อไปเราจะมาเข้าหัวใจหลักของความรู้ในสัปดาห์นี้กันนะครับสัปดาห์นี้เราจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของ Interactive Design ครับ
Interactive Design
ไม่ใช่การออกแบบที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นหลักแต่เป็นการออกแบบในภาพรวมว่าเรามองอะไรบ้างมาร่วมตัดสินใจซึ่งส่วนนี้เราใช้ความรู้หลายด้านด้วยกันไม่ว่าจะเป็น HCL(Human Computer Interactive) UX(User experience)
lean,Agile and UX agile:ทำเสร้จก้เทสไปเลยไม่ต้องรอให้เสร้จหมดหละเทสทีเดียว
ครับในส่วนนี้จะพูดถึงกระบวนการในการทำงานครับการจะทำงานให้เสร็จออกมาชิ้นหนึ่งนั้นต้องใช้คนทำงานในหลายๆฝ่ายด้วยกันในส่วนนี้นั้น กระบวนการในการทำงานแบบ Agile เป็นกระบวนการที่ทำเสร็จขั้นตอนหนึ่งก็จะทำการตรวจสอบทันทีเพื่อเช็คความถูกต้องว่าตรงไปตามเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่เพื่อลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในส่วนถัดๆไปมากยิ่งขึ้น "ส่วนตัวผมชอบครับเป็นการทำงานที่คนหลายคนจะคิดว่ามันเป็นการย้ำคิดย้ำทำ แต่สำหรับตัวผมนั้นที่ coding บ่อยครั้ง ผมไม่ค่อยชอบที่จะต้องมาแก้ตอนหลังทีเดียวเนื่องมาจากว่า Coding ส่วนใหญ่ถ้าเราวางระบบมาดีตั้งแต่แรกจะง่ายต่อการแก้ครับแต่ถ้าเริ่มวางระบบมาก็ผิดแล้วถ้าจะแก้ทีมันเหมือนกับว่าเรานั้ง Coding ใหม่ทั้งโปรแกรม"
User centered design
ครับส่วนนี้จะเป็นการพูดถึงผู้ใช้งานครับเป็นการสำรวจผู้ใช้งาน มันเป็นส่วนที่สำคัญมากๆเพราะการที่เราจะผลิตสิ่งของออกมาอย่างหนึ่งนั้นเราก็ผลิตขึ้นมาเพื่อผู้ใช้งานโดยเฉพาะแล้วทำไมเราไม่ทำการสำรวจไปเลยหละว่าเขาต้องการอะไรหรือไม่เพราะนี้เป็นใจความหลักที่จะบอกเราว่าเราควรหรือไม่ควรที่จะลงมือทำสิ่งๆนั้นขึ้นมาหรือไม่ เพราะถ้ามันไม่เป็นที่ต้องการเราจะผลิตออกมาให้ใครใช้หละ
เราสามารถแบ่งแยกวิธีการมองและกระบวนการคิดออกมาได้เป็นสามกลุ่มใหญ่ดังนี้ครับ1.Discovery
-competitor การเปรียบเทียบมาปรับแนวคิดว่าเราทำแบบนี้หรือแบบไหนแตกต่างและดีกว่ายังไง
-audience คนที่เราสำรวจหละเขาเป็นใคร คนดู, ผู้ใช้งาน, ผู้เข้าชม
-scenarios คนสนใจงานด้านไหนไม่ว่าจะเป็น เล่นไรได้ การโต้ตอบที่เราสามารถใช้งานได้
-content เราต้องตอบได้ว่าสิ่งที่เราจะทำนั้น มันเกี่ยวกับอะไร รายละเอียดของแต่ละสถานที่ เช่น TK park หนังสือ ,สสส
เรื่อง สุขภาพ แต่ละสถานที่แต่ละสถานการณ์ที่จะใช้ย่อมแตกต่างกันเราจะต้องคิดให้มันสอดคล้องและน่าสนใจ
2.Concept ขั้นตอนนี้สำคัญเพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแต่ละคนมองภาพรวมของงานออกมาเป็นแบบไหนทางเดียวกันหรือไม่ที่คุยและตกลงกันมาแต่ในส่วนนี้จะช่วยให้เรามองภาพรวมของงานออกมาตรงกัน ทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
-process flow ขั้นตอนการดำเนินงาน
-site map ใช้อินเตอร์เน็ตเว็บเบราว์เซอร์เข้ามาอธิบายรายละเอียด
-wire frames ออกแบบหน้าตา หรือรูปแบบงานโดยเขียนแบบที่เป็นสีขาวดำ บอกเฉยๆว่าหน้าตาของสิ่งนั้นๆเป็นยังไง
-design ออกแบบชิ้นงานนั้นๆ
3.Prototyping&user testing เป็นการทดสอบชิ้นงานของเราไปในตัวและสามารถสังเกตุความสนใจของผู้ใช้งานก่อนการแสดงจริงได้อีกด้วย
-prototyping แบบจำลอง
-user testing ให้ผู้ใช้งานลองใช้งานจริง
-review ร่วมแสดงความคิดเห็นหลังจากใช้งาน
-approve พัฒนาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด
Physical design
1. Human and digital
Web design, HCI, Interactive design
2. Technical and digital
Hardware, Computer sciences, Software engineer
3. Human and physical
Industrial design, Graphic design, Physical ergonomics
4. Technical and physical
Mechanical Engineering, Production engineering, Physical sciences
Interaction design
1. Desirability: What do people desire? ความพอใจที่จะเลือกทำในแบบต่างๆ อาจจะมาจากความชอบส่วนตน
2. Viability: What can be financially viable? ความสามารถแบบไหนที่พอจะเป็นไปได้ตามงบประมาณที่มีอยู่
3. Feasibility: What is technically and organizationally feasible? เทคนิคและการจัดการที่สามารถทำให้มันเป็นไปได้
Player center design: สำหรับการออกแบบเกม
2.motivation monitor นำสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจแรงจูงใจมานำเสนอให้ผู้ใช้งานได้เห็นและสนุกไปกับมัน
3.mechanics measure ออกแบบชิ้นงานให้ถูกต้องตามกฏหมายกำหนดและลองรับการใช้งานให้เหมาะกับผู้ใช้งานมากที่สุด
Secure interaction design
การออกแบบการทำงานของชิ้นงานนั้น จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยในส่วนของ Software นั้นไม่มีความน่าเป็นห่วงมากนัก แต่ส่วนที่จะต้องให้ความสำคัญมากๆคือส่วนของ Hardware เพราะว่าต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับผู้ใช้งานจึงต้องคำนึงเรื่องความปบอดภัยเป็นหลัก พวกงานโครงสร้าง สายไฟ ของมีคมจะต้องออกแบบให้เหมาะสมและปลอยภัยต่อผู้ใช้งาน
"ผมเห็นด้วยนะครับที่เรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้งานต้องมาก่อนผมเป็นคนหนึ่งครับที่รู้สึกว่างานด้านการประดิษฐ์สิ่งของหรือพวกชิ้นงานนั้นเป็นงานที่ยุ่งยากมากกว่างาน Coding ซึ่งผมมักจะทำงานเหล่านี้ก่อนเพราะผมอยากให้แน่ใจว่างานที่ผมจะทำนั้นสามารถทำได้จริงๆ มันจะออกมาดี สวยงามและที่สำคัญครับคือปลอดภัย"



.jpg)









ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น